'ADVENTAGES OF FRUIT
& VEGETABLE
3 color
of fruit
and
Vegetable
1.RED สีแดง
สตรอเบอร์รี่ (Strawberry) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Fragaria × ananassa Duchesne เป็นผลไม้ที่จัดอยู่ในสกุลไม้ดอกในวงศ์กุหลาบ มีมากกว่า 20 สปีชีส์และมีลูกผสมอีกมากมาย ผลสดของสตรอเบอร์รี่มีรสชาติหลากหลายตั้งแต่เปรี้ยวไปจนถึงรสหวานจัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่ปลูก โดยสตรอเบอร์รี่ที่นิยมปลูกในบ้านเราก็คือ สตรอเบอร์รี่สวน
สตรอเบอร์รี่ อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น เคอซิติน (Quercetin) เคมเพอรอล (Kaempferol) แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งสารดังกล่าวมีส่วนช่วยในการยับยั้งสารก่อมะเร็งต่างๆ ได้ และยังมีวิตามินซีในปริมาณสูง โดยสตรอเบอร์รี่สดประมาณ 100 กรัม จะมีวิตามินมากถึง 58 มิลลิกรัม !!
ซึ่งเมื่อนำไปเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นในเรื่องการช่วยต้านอนุมูลอิสระพบว่า สตรอเบอร์รี่จะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าส้มถึงหนึ่งเท่าครึ่ง / มากกว่า องุ่นแดง 2 เท่า / มากกว่า กีวี 3 เท่า / มากกว่า มะเขือเทศ 7 เท่า / มากกว่า กล้วยหอม 7 เท่า และมากกว่า ลูกแพร ถึง 15 เท่า !
สตรอเบอร์รี่ยิ่งสดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากเท่านั้น ถ้ารับประทานทันทีได้ก็จะดีมาก (ล้างก่อนนะ) หรือไม่ก็ต้องเก็บไว้ในตู้เย็น และการรับประทานสตรอเบอร์รี่แบบสดๆ จะทำให้ได้รับสารอาหารจากสตรอเบอร์รี่มากที่สุด!
แอปเปิ้ลมีแก๊สตัวหนึ่งชื่อว่า “เอทีลีน” (Ethylene) ถ้าเราเผลอนำแอปเปิลที่กัดแล้วคำหนึ่งไปใส่ไว้ในตู้เย็น รวมกับกล้วย หรือผลไม้อื่น ๆ จะทำให้ผลไม้อื่นเน่าได้ โดยแก๊ส “เอทีลีน” เหมือนกับแก๊สที่ชาวบ้านใช้บ่มผลไม้ ดังนั้น ถ้ากัดกินแอปเปิลแล้วเหลือต้องใส่ถุงมัดปากให้ดีไม่ให้แก๊สออกมาได้
ประโยชน์ของแอปเปิ้ล
1.แอปเปิ้ลมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากมายที่ช่วยในการชะลอวัย
2.แอปเปิ้ลเหมาะกับการเป็นอาหารที่ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ช่วยลดความอาหารลง แม้แอปเปิ้ลจะมีน้ำตาลแต่ร่างกายก็สามารถดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ ได้ภายในสิบนาที
3.ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด หากรับประทานเป็นประจำวันละ 2-3 ผล
4.เป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน ที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด เพราะแอปเปิ้ลมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำในปริมาณสูงที่จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดด้วย
5.เป็นอาหารที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยภาวะเลือดเป็นกรดไขข้อรูมาติก โรคเกาต์ ดีซ่าน
6.แอปเปิ้ลก็มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดฝ้าได้เหมือนกันนะ
7.ช่วยในการลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย
8.ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้
9.ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้โดยตรง
ประโยชน์มะเขือเทศ
อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอยู่หลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเช่น วิตามินซี วิตามิเอ วิตามินเค วิตามินพี วิตามินบี1 วิตามินบี2 ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส และ ธาตุเหล็ก โดยมะเขือเทศขนาดปานกลางนั้นจะมีปริมาณของวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งลูก และมะเขือเทศหนึ่งผลมีปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายต้องการจำนวน 1 ใน 3 ของวิตามินเอทีร่างกายต้องการต่อวันเลยทีเดียว!! และยังมีสารจำพวก ไลโคพีน (Lycopene) แคโรทีนอยด์ เบต้าแคโรทีน และ กรดอะมิโน เป็นต้น และมะเขือเทศยังจัดว่าเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย เช่น ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด ขับปัสสาวะ รักษาความดัน เป็นต้น
2.ORANGE
ส้ม
ข้อดีส้ม
1.ดื่มแก้กระหาย เพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า
2.ส้ม มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากมาย จึงช่วยในการชะลอวัย
3.ส้มมีคุณสมบัติในการช่วยสร้างคอลลาเจน ทำให้ช่วยลดเลือนหรือชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้
4.ส้ม ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
5.ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีไม่แห้งกร้าน
6.ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก เพราะส้มมีวิตามินซี
7.ช่วยเสริมสร้างกระดูดให้แข็งแรง ด้วยแคลเซียม และวิตามินดีจากส้ม
8.การกินส้มก็ช่วยลดสภาวะความเครียดได้เหมือนกันนะ
9.ส้มช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง
10.ช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
ข้อเสียส้ม
การได้รับปริมาณวิตามินซีมากเกินไป มากกว่า 500 มิลลิกรัมต่อวันต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน สามารถทำให้เกิดนิ่วในไตได้ รวมถึงหากรับประทานวิตามินซีมากเกิน 1,000 มิลลิกรัม ยังอาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย และหากทานตอนท้องว่างก็อาจเกิดการระคายเคืองในทางเดินอาหาร เนื่องจากความเป็นกรดของวิตามินซี ทั้งยังอาจเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือถึงขั้น คลื่นไส้ อาเจียนได้ด้วย
มะละกอ
ข้อดี
- เมื่อมีอาการปวดตามข้อและหลัง รับประทานมะละกอสุกเป็นประจำป้องกันและบำบัดโรคปวดข้อปวดหลังได้
- ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ไม่มีแรง ใช้รากมะละกอตัวผู้ แช่เหล้าขาวให้ท่วมยาไว้ 7 วัน และกรองเอาน้ำใช้ทาแก้ปวดข้อและกล้ามเนื้อเปลี้ยอ่อนแรง
- ลดอาการปวดบวม ให้เอาใบมะละกอสดย่างไฟหรือลวกกับน้ำร้อนใช้ประคบบริเวณที่ปวด หรือตำพอหยาบห่อด้วยผ้าขาวบางทำเป็นลูกประคบ
- แก้เคล็ดขัดยอก ใช้รากมะละกอสดตำให้แหลกผสมเหล้าโรงพอก
- โดนตะปูตำเป็นแผล ให้เอาผิวลูกมะละกอดิบตำพอกแผล เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง
ข้อเสีย
มะละกอ เพราะเป็นผลไม้ที่มีเอนไซม์มาก มีรสชาติเปรี้ยวทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้ แต่ถ้าจะกินก่อนกินอาหารแค่ 2-3 ชิ้นเล็กๆ ก็พอจะกินได้ แต่ควรล้างให้สะอาดก่อนทุกครั้ง เพื่อเป็นการลดสารเคมีตกค้าง
ลูกพลับ
ประโยชน์ของลูกพลับ
1.ลูกพลับเป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่และไขมันต่ำ และยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร จึงเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก
2.ลูกพลับมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ซึ่งช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ
3.หากนำลูกพลับมาหมักให้เปรี้ยว 1 ปีขึ้นไปจะมีสรรพคุณทางยาสูงขึ้น ช่วยบำรุงร่างกายแก้อาการเหนื่อยล้า
4.ลูกพลับ ประโยชน์ช่วยบำรุงและรักษาสายตา ป้องกันต้อกระจก ตาฟาง
5.ช่วยบำรุงลำไส้ บำรุงปอดและม้าม
6.ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ
7.ช่วยแก้หืดหอบ (ผลแห้ง)
8.ช่วยลดความดันโลหิต
9.ช่วยบรรเทาอาการของโรคหัวใจและปอดได้
10.ช่วยแก้โรคปอดและกระเพาะอาหาร ซึ่งเกิดจากการสร้างพลังงานของปอดที่ลดลง ทำให้มีอาการไอ หายใจติดขัด เส้นผมหลุดร่วงหยาบกระด้าง หากเป็นติดต่อกันนานๆ ชีพจร กล้ามเนื้อและกระดูก จะสร้างสารผิดปกติในผนังกระเพาะอาหารได้
11.ใช้เป็นยาบรรเทาอาการร้อนใน (ผลแห้ง)
12.ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ (ผลแห้ง)
ข้อเสียลูกพลับ
สำหรับผู้ที่มีอาการไข้ หรือเป็นหวัด ถ่ายบ่อย หรือม้ามและกระเพาะไม่ค่อยแข็งแรงไม่ควรรับประทานลูกพลับ และสำหรับลูกพลับหวานควรระวังสารโซเดียมไซคลาเมต (Sodium Cyclamate) และสารซัคคาริน (Saccharin)
3.GREEN
แตงกวา
มะม่วง
- ทำลายฟัน กรดจากอาหารที่มีรสเปรี้ยว จะกัดกร่อน ผิวเคลือบฟัน ทำให้ให้ฟันสึกทั้งฟันด้านบนและฟันด้านล่าง ทำให้เกิดอาการเสียวฟัน และทำให้การอุดฟันทำได้ยากเพราะต้องทำหมดทุกซี่ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง
-
- มะนาว
- ทำลายฟัน กรดจากอาหารที่มีรสเปรี้ยว จะกัดกร่อน ผิวเคลือบฟัน ทำให้ให้ฟันสึกทั้งฟันด้านบนและฟันด้านล่าง ทำให้เกิดอาการเสียวฟัน และทำให้การอุดฟันทำได้ยากเพราะต้องทำหมดทุกซี่ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง
****THANK FOR WATCHING****
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น